top of page
รูปภาพนักเขียนChut N

เพิร์ธ เมืองแนะนำสำหรับนักเรียนประถมและมัธยมในออสเตรเลีย

ถ้าจะพูดว่าเนื้อหาวันนี้เป็นควันหลงจากทริปเพิร์ธของผู้เขียนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาก็คงไม่มากเกินไป ไปเยือนเพิร์ธรอบนี้มีโอกาสได้เจอกับตัวแทนจากโรงเรียนหลายแห่งทั้งในออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เจ้าหน้าที่ส่วนมากมาจากโรงเรียนประถมและมัธยมในเมืองเพิร์ธ ทั้งฝั่งเอกชนและรัฐบาล โปรแกรมการเรียนการสอนน่าสนใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ปกครองที่วางแผนส่งบุตรหลานไปเรียนต่อในระดับประถมและมัธยมในออสเตรเลีย ซึ่งตัวเลือกโรงเรียนที่แนะนำจะสรุปมานำเสนอกันในโอกาสต่อไปแน่นอน


TL;DR ใครขี้เกียจอ่านอินโทร เลื่อนลงไปอ่านย่อหน้าขึ้นต้นด้วยสีส้มโลด


ก่อนอื่นควรจะไปทำความรู้จักเมือง #เพิร์ธ กันให้มากขึ้นอีกซักนิด รวมทั้งคลายข้อสงสัยว่าทำไมเมืองที่เคยเป็นอันดับหนึ่งในใจนักเรียนไทยที่เดินทางไปเรียนต่อออสเตรเลียในอดีตถึงดังน้อยกว่าชื่อซิดนีย์และเมลเบิร์นไปซะได้


หากย้อนเวลากลับไปประมาณ 20 ปีที่แล้ว ครอบครัวไหนมีสมาชิกเดินทางไปเรียนต่อเมืองนอกโดยเฉพาะออสเตรเลียรับรองได้ว่าปลายทางต้องเป็นเมืองเพิร์ธแน่นอน เพราะมีทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่าง University of Western Australia (UWA) ซึ่งเป็นสมาชิก Group of 8 หรือจะเป็นมหาวิทยาลัยอายุน้อยอย่าง Curtin University ก็ติดอันดับท็อปของโลกอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีสถาบันภาษาอีกหลายแห่งที่เปิดรับนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนหลักสูตรระยสั้นช่วงปิดเทอมอีกต่างหาก เรียกว่าครบ จบ ตอบทุกโจทย์ของผู้ปกครองไทย


แต่ช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเมืองท่องเที่ยวอย่างซิดนีย์และเมลเบิร์นลงทุนโปรโมทเมืองอย่างเข้มข้น มีการดึงเอา icon ของเมืองตัวเองออกมาเป้นจุดขายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักเรียนผ่านสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Opera House ที่ซิดนีย์ หรือ Street Art ที่เมลเบิร์น เป็นต้น ทั้งสองเมืองจึงกลายเป็นภาพจำของออสเตรเลียไปซะอย่างนั้น ผลที่ตามมาคือทั้งนักท่องเที่ยวและนักเรียนต่างชาติพากันไปประจุกตัวอยู่ในทั้งสองเมืองนี้ เกิดเป็น community ของชาวต่างชาติในย่านใจกลางเมืองใหญ่ ตัวอย่างเช่น Thai Town ไม่ไกลจาก Central Station ในซิดนีย์ เป็นต้น ผลที่ตามมาอีกอย่างของการกระจุกตัวของนักเรียนและนักท่องเที่ยวในเมืองใหญ่หลายแห่ง คือ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมทั้งการแข่งขันหางานพาร์ทไทม์ในหมู่นักเรียนต่างชาติ


หากเปรียบเทียบกันแล้วเพิร์ธมีจุดเด่นที่เป็นไฮไลท์ไม่ต่างจากเมืองใหญ่ชื่อคุ้นหูที่กล่าวมาด้านบนเลย ไม่ว่าจะสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอย่างย่าน Elizabeth Quay พื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองขนาดใหญ่อย่าง King's Park นอกจากนี้ยังมีชายหาดมากถึง 19 แห่ง มีสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับ one-day trip มากมาย ไม่ว่าจะ Rottnest Island ที่มีน้อง quokka พร้อมทักทายทุกคน หรือ Fremantle ที่มีย่านคาเฟ่น่ารักให้เช็คอิน ช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลท้องถิ่นประจำรัฐลงทุนเงินจำนวนมากเพื่อโปรโมทเพิร์ธในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการเรียนและการท่องเที่ยว


เพิร์ธเป็นเมืองหลวงของรัฐ Western Australia (WA) กินพื้นที่เกือบครึ่งของทวีปออสเตรเลียหรือราว 2.5 ล้านตารางกิโลเมตร พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ทำให้ตัวเมืองมีลักษณะกระจายไม่กระจุกตัวแน่นเหมือนเมืองหลวงประจำรัฐอื่น ๆ จริงอยู่ที่เพิร์ธมีเขต CBD ซึ่งเป็นที่ตั้งของย่านร้านอาหาร ออฟฟิซ และย่านช้อปปิ้ง แต่ย่านที่พักอาศัยนั้นจะอยู่กระเถิบห่างออกจากตัวเมืองไป โดยแต่ละย่านก็มีย่านห้างร้านต่าง ๆ ครบครันเช่นเดียวกัน หากเดินทางไปเพิร์ธในช่วงสุดสัปดาห์ก็ไม่ต้องแปลกใจว่า CBD อาจจะมีผู้คนบางตาซักหน่อย เพราะหลังจากใช้เวลาช่วงวันทำงานตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ในเมืองไปแล้ว ผู้คนก็เลือกที่จะพักผ่อนอยู่ในย่านที่พักอาศัยที่มีทุกอย่างที่ต้องการเหมือนกัน บางคนก็อาจจะเลือกนั่งรถไฟไปหนึ่งในชายหาดไม่ไกลจากเมือง (อันที่จริงมีมากถึง 19 แห่งทีเดียว)


พอจะรู้จักเพิร์ธกันแบบคร่าว ๆ ไปแล้ว ทีนี้มาดูกันว่า ทำไมเพิร์ธถึงควรเป็นเมืองสำหรับการเรียนประถมและมัธยมในออสเตรเลีย


plane wing in sky

1 | ไฟล์ทบินตรงจากกรุงเทพเพียง 6 ชั่วโมง


หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าไปออเสตรเลียต้องบินกัน 9-10 ชั่วโมง แต่เนื่องจากเพิร์ธตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกสุดของออสเตรเลีย พูดง่าย ๆ คือ เพียงบินลงใต้เลยอินโดนีเซียไปอีกนิดเดียวเท่านั้นก็เข้าเขตรัฐ WA แล้ว เทียบระยะเวลาไฟล์ทแล้วพอกันกับการบินไปญี่ปุ่นเลย


ระยะทางใกล้แสนใกล้นี้มีข้อดีคือ น้อง ๆ สามรถเดินทางกลับบ้านช่วงปิดเทอมได้แบบไม่เหนื่อยมาก ครอบครัวเองก็เดินทางไปเยี่ยมและท่องเที่ยวได้สะดวกเช่นเดียวกัน ยิ่งปัจจุบันการบินไทยกลับมาบินไฟล์ทตรงกรุงเทพ-เพิร์ธทุกวัน ยิ่งทำให้ผู้ปกครองสบายใจได้ว่ากรณีฉุกเฉินก็สามารถเดินทางไปหาลูกหลานได้ทันที


clock in workspace

2 | เวลาเดินเร็วกกว่าไทยเพียง 1 ชั่วโมง


อีกครั้งที่ที่ตั้งของเมืองเพิร์ธเป็นข้อดีสำหรับนักเรียนไทย ออสเตรเลียเป็นประเทศที่กินพื้นที่ใหญ่ รัฐแต่ละรัฐก็อยู่ใน time zone ที่อตกต่างกัน สำหรับเพิร์ธซึ่งอยู่ใน WA ใช้ time zone เดียวกันกับหลายประเทศในเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง ซึ่งหมายความว่าเร็วกว่าไทยแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น


การพูดคุยกับครอบครัวก็เป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องกลัวว่าทางเราฟ้าสว่างแล้ว ทางนู้นจะดึกรึยัง ทางเราหัวค่ำแล้วฝั่งเค้าจะพึ่งเช้ามืดรึเปล่านะ วีดีโอคอลคุยกันได้สบาย ๆ น่าจะลดความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องให้ลูกหลานเดินทางไปไกลบ้านได้แน่นอน


Cottesloe Beach in pink sky

3 | เมืองหลวงฟ้าใส กับอากาศสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน


Australia's Sunniest Capital City ไม่ได้เป็นชื่อเล่นที่ได้มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะเพิร์ธมีสถิติวันฟ้าใสมากถึง 3,200 ชั่วโมงต่อปีทีเดียว


สภาพอากาศทั่วไปของเพิร์ธจะคล้ายประเทศในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ ฤดูร้อนมีอากาศแห้งและร้อนนิดหน่อย อุณหภูมิเฉลี่ย 10ปลาย - 30 องศา ส่วนฤดูหนาวอากาศเย็นและมีผนบ้าง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ราว 8 - 9 องศา และสูงสุดไม่เกิน 20 องศา โดยรวมถือว่าอากาศค่อนข้างสบาย เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตลอดทั้งปี สอดคล้องกับภูมิศาตร์ของเมืองที่มีทั้งแม่น้ำไหลผ่าน พื้นที่สีเขียว และติดชายทะเลเป็นแนวยาว


คุณพ่อคุณแม่ก็สบายใจได้ว่าน้อง ๆ จะมีกิจกรรมให้ได้เล่นสนุกนอกเวลาเรียน และเปิดโอกาสได้พบเพื่อนใหม่ที่มีความสนใจคล้ายกัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่าแสงแดดจะช่วยลดความเครียดและโอกาสเกิดโรคซึมเศร้าได้ด้วย ดังนั้นการเรียนในเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีแสงแดดมากที่สุดก็น่าจะช่วยให้น้อง ๆ สนุกกับประสบการณ์เรียนได้ไม่น้อยเลยค่ะ


kings park perth

4 | เมืองปลอดภัย และผู้คนเป็นมิตร


เพิร์ธเป็นเมืองที่มีสถิติอาชญากรรมต่ำที่สุดของออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังถือเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องประชากรที่เป็นมิตรที่สุดแห่งหนึ่งด้วย ผู้คนโอบรับความแตกต่างทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมอย่างดี เพราะประชากรของเพิร์ธเองก็มีที่มาจากมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวต่างขาติแวะมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสายตลอดทั้งปี


ปัจจัยทางอ้อมอีกอย่างที่ทำให้เพิร์ธเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดอีกประการคือค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวประชากร (GDP) ของรัฐ WA ที่สูงที่สุดของประเทศ ฝ่ายบริหารของรัฐสามารถลงทุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างก็มี student support ที่ทำงานใกล้ชิดกับนักเรียนของตัวเอง ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นจากการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกที่เพิร์ธมักจะติดอันดับ World Top 20 อยู่เสมอ


uwa aerial view

5 | ตัวเลือกสถาบันคุณภาพระดับชั้นนำของออสเตรเลีย


นอกจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปอย่าง UWA และ Curtin ที่พูดถึงด้านบนแล้ว เพิร์ธยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาแนวหน้าของประเทศอีกหลายแห่งหลายแห่ง มีทั้งที่เปิดสอนหลักสูตรระดับประถมไปจนถึงมัธยม เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย หรือแม้แต่โปรแกรมซัมเมอร์ โดยมีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน เรียกว่าตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ได้อย่างแน่นอน แคมปัสของสถาบันส่วนมากก็ไม่ได้กระจุกเฉพาะใจกลางเมืองเท่านั้น แต่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่เมืองเพิร์ธและใกล้เคียง


ตัวอย่างชื่อโรงเรียนที่อาจจะพอคุ้นหูคุ้นตาคุณพ่อคุณแม่ชาวไทย เช่น Wesley College โรงเรียนเอกชนชั้นแนวหน้าของออสเตรเลีย หรือทางฝั่งรัฐบาลเองก็มีไฮไลท์เป็นหลักสูตร Year 10-12 ของ Canning College ที่ออกแบบหลักสูตรเพื่อช่วยให้นักเรียนต่างชาติปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและสไตล์การเรียนแบบใหม่ได้อย่างราบรื่น ถือเป็นการวางรากฐานให้นักเรียนประสบความสำเร็จในการสมัครเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียต่อไปนั่นเอง


ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นสถาบันรัฐหรือเอกชนก็ตาม โครงสร้างหลักสูตรจะแชร์ลักษณะร่วมอย่างหนึ่ง คือ เปิดโอกาสให้นักเรียนเลือกวิชาเลือกตามความสนใจ และเป้าหมายคณะที่ต้องการเข้าเรียน ส่วนการเรียนของเด็กเล็กก็เน้นการทำกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อและการสื่อสาร ทางเลือกหลังจบมัธยมปลายก็มีทั้งสายวิชาชีพและปริญญา ซึ่งแน่นอนว่าครอบคลุมทุกสาขาอาชีพสำคัญที่จำเป็นในโลกปัจจุบัน


สำหรับสถาบันการศึกษาที่แนะนำสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.hub101study.com/perth



6 | ค่าครองชีพและค่าเทอมไม่แพง


เปรียบเทียบในกลุ่มเมืองใหญ่และเมืองหลวงประจำรัฐต่าง ๆ ทั่วออสเตรเลียแล้ว ค่าครองชีพของเพิร์ธจะอยู่ในระดับที่ไม่แพงเลย โดยเฉพาะค่าเช่าบ้านและค่าเดินทาง ตามที่อธิบายไปด้านบนว่าเพิร์ธมีลักษณะเมืองที่กระจายความเจริญไปแนวกว้าง มีย่านชุมชนพร้อมร้านค้าต่าง ๆ หลายแห่ง เกิดเป็นตัวเลือกที่พักอาศัยมากมาย ส่งผลให้อัตราค่าที่พักไม่แพงมากนัก นอกจากนี้รัฐ WA ยังมีบริการ CAT Bus ที่เป็นรถบัสฟรีวิ่งรอบเขต CBD หลายเส้นทางทุกวัน และบริการของ TransPerth ที่ให้ประชาชนสามารถใช้บริการรถไฟ เรือเฟอร์รี่ และรถบัสฟรีทุกวันอาทิตย์


ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเดินทางไปออสเตรเลียพร้อมน้อง ๆ หรือจะเลือกให้พักกับโฮมสเตย์ ก็มั่นใจได้ว่าค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะไม่แพงแน่นอน


อีกข้อนึงที่ไม่พูดถึงไม่ไ่ด้คือ เรทค่าเทอมต่อปีของโรงเรียนในเพิร์ธนั้นไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับค่าเทอมโรงเรียนอินเตอร์ในไทย


ค่าเทอมโรงเรียนรัฐบาลเฉลี่ยอยู่ที่ราว A$14-A$19k ต่อปี คิดเป็นเงินไทยก็ราวไม่เกิน 4.5 แสนบาทเท่านั้น ถ้าเลือกเรียนโรงเรียนเอกชนก็อาจจะแพงขึ้นเป็น 7 หลักได้ แต่เมื่อเทียบกับค่าเทอมโรงเรียนอินเตอร์ชื่อดังในไทยแล้วแทบจะไม่ต่างกัน เพราะหลายแห่งเฉลี่ยค่าเทอมก็ไม่ต่ำกว่า 5 แสน บางแห่งอีกนิดก็แตะล้านแล้ว



tuition fee schedule
Source: https://www.tafeinternational.wa.edu.au/wa-government-schools/school-fees-charges

เมื่อเทียบกับการได้สัมผัสวัฒนธรรมหลากหลาย คุณภาพสิ่งแวดล้อม คุณภาพการศึกษา และโอกาสต่อยอดความสำเร็จด้านการเรียนการทำงานในอนาคตแล้ว, การเรียนที่เพิร์ธก็น่าจะมีผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาวมากกว่าพอสมควร


เอาล่ะค่ะ, คิดว่าเนื้อหาวันนี้ก็น่าจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนเห็นภาพเพิร์ธมากขึ้น อาจจะลองใช้ข้อมูลนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษาข้อมูลหาที่เรียนต่อให้ลูกหลานต่อไป สาเหตุที่ผู้เขียนแนะนำเมืองนี้ให้กับนักเรียนระดับประถมและมัธยมเป็นเพราะได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองว่าเมืองน่าอยู่และปลอดภัยมากจริง ๆ สถาบันการศึกษาก็ให้ความสำคัญกับนักเรียนต่างชาติมาก ไม่ใช่แค่เพียงด้านการเรียน แต่รวมไปถึง wellbeing ของเด็กทุกคนด้วย นอกจากนี้ถึงเมืองจะไม่วุ่นวายแต่ก็มีกิจกรรมทุกอย่างที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เยาวชนยุคใหม่ได้ ทั้งกีฬา ดนตรี กิจกรรมกลางแจ้ง และเฟสติวัลต่าง ๆ ถือเป็นเมืองที่เหมาะสมกับนักเรียนในช่วงวัยประถมและมัธยมที่ต้องการเวลาในการค้นหา passion และความถนัดส่วนบุคคลมากทีเดียว


โอกาสหน้าก็จะมาแนะนำโรงเรียนประถมและมัธยมในออสเตรเลียให้อีกครั้งนะคะ ทั้งที่อยู่ในเมืองเพิร์ธและเมืองยอดนิยมอื่น ๆ ค่ะ อย่ากดติดตาม Hub 101 Study ในช่องทางต่าง ๆ เพื่อไม่พลาดอัพเดทและข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรงเรียนออสเตรเลียนะคะ


--

 Tel: 081 441 8448

 Line: hub101study

 IG: hub_101_study

 Tiktok: hub101study

.

#เรียนต่อออสเตรเลีย

#วีซ่านักเรียนออสเตรเลีย

#ต่อวีซ่าออสเตรเลีย

#วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย

#เรียนต่อนิวซีแลนด์

#วีซ่านักเรียนนิวซีแลนด์

Comments


bottom of page