คำถามแรกที่ผู้ปกครองหลายคนถามเมื่อติดต่อเข้ามาครั้งแรกคือตัวลูกหลานที่เป็นนักเรียนไม่ได้เรียนอินเตอร์มา หรืออาจจะแค่พอสื่อสารได้บ้าง จะสามารถไปเข้าเรียนประถมและมัธยมในออสเตรเลียได้หรือไม่ ข้อกังวลส่วนมากจะเป็นเรื่องการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ การพูดคุยกับเพื่อนที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด รวมไปจนถึงเนื้อหาการเรียนในห้อง
คำตอบคือ ได้ค่ะ!
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าระบบการศึกษาในโรงเรียนของออสเตรเลียนั้นแตกต่างจากการเรียนในประเทศไทยอยู่พอสมควร การแบ่งช่วงชั้นของระดับการศึกษาจะแบ่งกว้าง ๆ คือ
Primary School ครอบคุลมตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐาน Foundation (บ้างเรียกว่า Kindergarten, Pre-school) ไปจนถึง Year 1 ถึง Year 6 หรือ 7
Secondary School ครอบคลุมตั้งแต่ Year 7 หรือ 8 ไปจนถึง Year 10
Senior Secondary School ครอบคลุมตั้งแต่ Year 11 ถึง Year 12
การสมัครเรียนแต่ละช่วงชั้นก็จะมีเกณฑ์การรับสมัครที่แตกต่างกันไป แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้ปกครองกังวลที่สุดน่าจะเป็นเรื่องผลภาษา ซึ่งเข้าใจได้ไม่ยากเลย สรุปตามช่วงชั้น คือ
Primary School (Kindergarten – Year 7/8) ไม่จำเป็นต้องมีผลคะแนนภาษาอังกฤษใดใด
Secondary School (Year 7/8 – Year 10) จะต้องมีผลคะแนนเทียบเท่า IELTS 5.0
Senior Secondary School (Year 11 – Year 12) จะต้องมีคะแนนเทียบเท่า IELTS 5.5
เหตุผลที่นักเรียนอายุน้อยไม่ต้องมีผลภาษาเพราะการศึกษาช่วงประถมของออสเตรเลียนั้นไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องวิชาการมากนัก แต่จะให้ความสำคัญกับการสร้างทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการใช้ชีวิต เช่น การสื่อสาร ตัวเลข ความรู้ด้านเทคโนโลยี การวิเคราะห์และสร้างสรรค์ ตลอดไปจนถึงความตระหนักรู้เชิงสังคมวัฒนธรรม ควมาซับซ้อนของเนื้อหาการเรียนก็จะขึ้นอยู่กับระดับชั้น รูปแบบการเรียนการสอนจะเปิดโอกาสให้นักเรียนทดลองกิจกรรมหลากลายรูปแบบเพื่อค้นหาความชอบและความสนใจส่วนบุคคล เช่น กีฬา ดนตรี วรรณกรรม วิทยาศาตร์ และอื่น ๆ รูปแบบการเรียนนี้จะสอดคล้องกับระบบการศึกษาช่วงมัธยมที่เปิดโอกาสให้นักเรียนแต่ละคนเลือกลงเรียนวิชาที่ตรงตามความสนใจ (elective) ได้นอกเหนือจากวิชาหลัก ทั้งนี้หลังเรียนจบ Year 10 นักเรียนทุกคนเลือกได้ว่าจะยังคงเรียนต่อในระดับ Senior Secondary หรือเข้าสู่สายวิชาชีพ (Vocational Training) ทั้งนี้ต้องย้ำก่อนว่าประเทศออสเตรเลียมองเห็นความสำคัญของวุฒิการเรียนสายสามัญและสายอาชีพเท่าเทียมกัน การเรียนการสอนของสายวิชาชีพนั้นอาจมุ่งเน้นไปทางสายงานที่เน้นการปฏิบัติมากกว่าเท่านั้นเอง
เมื่อเข้าใจรูปแบบการเรียนการสอนแล้วก็จะเข้าใจได้ว่าทำไมการสมัครเรียนแต่ละระดับจึงมีเกณฑ์ภาษาที่แตกต่างกัน ทีนี้ย้อนกลับมาที่ความกังวลของผู้ปกครองเรื่องการปรับตัวของลูกหลานเมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาออสเตรเลียโดยเฉพาะช่วงวัยประถมที่ไม่แน่ใจว่าไม่ต้องสอบภาษาแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าลูกหลานเราจะเรียนทันเพื่อนมั้ย จะปรับตัวเข้ากับการเรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดได้รึเปล่า มีทางไหนที่จะช่วยลดความกังวลและช่วยเสริมความพร้อมให้กับนักเรียนได้บ้างมั้ย
โรงเรียนในออสเตรเลียหลายแห่งมี pathway กับสถาบันภาษาเอกชนชั้นนำ โดยนักเรียนต่างชาติสามารถสมัครเรียนหลักสูตร Primary School Preparation (PSP) และ High School Preparation (HSP) ก่อนเข้าเรียนในโรงเรียนประถมและมัธยมได้
คลาสเรียนของ PSP และ HSP จะเป็นพื้นที่ให้นักเรียนได้ปรับตัวเข้ากับการใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือสื่อสารในห้องเรียน นอกจากการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ (ฟังพูดอ่านเขียน) แล้ว นักเรียนจะได้สัมผัสบรรยากาศการเรียนวิชาพื้นฐานอื่น ๆ เป็นภาษาอังกฤษด้วย เช่น คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
กิจกรรมนอกห้องเรียนในคลาส PSP และ HSP นั้นมีความหลากลายตั้งแต่กิจกรรมกีฬา ทัศนศึกษา ปิคนิคในสวน ตลอดจนเทศกาลเฉลิมฉลองต่าง ๆ นักเรียนสามารถเลือกเข้าร่วมชมรม (คลับ) ที่มีหลายสาขาตั้งแต่ชมรมดนตรี กีฬา ภาพยนตร์ ตลอดไปจนถึงคลับฝึก conversation และ DIY ต่าง ๆ
ระยะเวลาการสมัครเรียนหลักสูตรเหล่านี้จะคิดเป็นบล็อก ๆ ละ 10 สัปดาห์ เทียบแล้วประมาณ 1 เทอมของการเรียนในโรงเรียนพอดี ซึ่งสถาบันที่เปิดหลักสูตร PSP และ HSP นี้ก็จะกำหนดวันเปิด-ปิดเทอมให้สอดคล้องกับช่วงเปิดเทอมของโรงเรียนทั่วออสเตรเลียพอดี ทำให้นักเรียนต่างชาติที่เรียนจากสถาบันเหล่านี้สามารถย้ายไปเข้าระบบประถม-มัธยมได้แบบไร้รอยต่อนั่นเอง
ข้อดีอีกอย่างของการสมัคร PSP และ HSP คือ สถาบันที่เปิดสอนจะมี pathway agreement กับโรงเรียนประถม-มัธยมต่าง ๆ อยู่แล้ว ความหมายคือ นักเรียนที่เรียนจบจากหลักสูตรเหล่านี้สามารถสมัครเข้าเรียนต่อในโรงเรียนที่มีสัญญากับสถาบันภาษาของตัวเองได้ แต่ละสถาบันก็จะมีตัวเลือกโรงเรียนที่แตกต่างหลากหลายต่างกันไป
ตัวอย่างเช่น Browns English Language School (BELS) ในเมืองบริสเบนและโกลด์โคสต์ที่มี pathway กับทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชนทั่วรัฐควีนส์แลนด์ หรือ International House (ih) สถาบันภาษาที่เปิดสอนหลักสูตรอายุต่ำกว่า 18 ปี ในเมืองซิดนีย์และเมลเบิร์นเองก็มี pathway กับโรงเรียนหลายแห่ง
ตัวอย่างตารางเรียน PSP ที่ BELS
ตัวอย่างตารางเรียน PSP ที่ IH
ตัวอย่างตารางเรียน HSP ที่ BELS
ตัวอย่างตารางเรียน HSP ที่ IH
จากตัวอย่างตารางเรียนนี้ก็น่าจะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นว่าหลักสูตรเตรียมเข้าประถมและมัธยมนี้ไม่ได้มุ่งเพียงสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนต่างชาติเท่านั้น แต่ยังมีเนื้อหาการเรียนวิชาอื่น ๆ ที่สอนเป็นภาษาอังกษให้นัเรียนได้ลองฝึกฟังดู นอกจากนี้ยังนับเป็นโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีการปรับตัวเข้ากับบริบททางสังคมแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากวัฒนธรรมการเรียนแบบเดิม ๆ ของไทยด้วย เมื่อพอจะคาดการณ์ได้บ้างว่าการย้ายโรงเรียนไปที่ใหม่จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ก็น่าจะช่วยลดความเครียดของนักเรียนรวมทั้งผู้ปกครองไปได้มากพอสมควร
สำหรับนักเรียนช่วง Kindergarten ถึงประมาณ Year 7-8 ที่ไม่ต้องใช้ผลภาษาก็น่าจะได้รับข้อดีหลัก ๆ ตามด้านบนนี้ แต่สำหรับนักเรียนช่วง Year 8-9 ขึ้นไป แน่นอนว่าจะได้เปรียบจากการได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนและวัดผล หากใครต้องไปสอบ IELTS เพื่อเข้าเรียน Secondary School ต่อ ก็มั่นใจได้เพราะมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ เราอ่อนพารทไหน ควรแก้ไขอย่างไร เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ ได้ฝึกทั้งภาษาสำหรับสอบ IELTS และได้ฝึกปรับตัวเข้ากับบรรยากาศการเรียนสไตล์ออสซี่นั่นเอง
หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนกันไปแล้ว, หากใครยังไม่มั่นใจเรื่องภาษาอังกฤษก็สามารถใช้สิทธิการเป็นนักเรียนต่างชาติ เข้าถึงคลาสเรียนภาษาอังกฤษเสริม (EALD / English as Additional Language or Dialect) ที่เปิดสอนควบคู่ไปกับชั้นเรียนหลักได้ด้วย ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าการย้ายไปเรียนโรงเรียนในออสเตรเลียนั้นจะมีตัวช่วยและ support จากระบบการศึกษาอย่างเต็มที่
ยังไงก็ตาม, การสมัครเรียนของนักเรียนที่อายุน้อยกว่า 18 ปีจะมีเงื่อนไขพิเศษอยู่ข้อนึงคือการจัดหาที่พัก เนื่องจากถือว่ายังไม่เป็นผู้ใหญ่ตามกฎหมายซะทีเดียว จึงจำเป็นต้องมีข้อกำหนดเพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับสวัดิภาพของนักเรียนต่างชาติเหล่านี้ เงื่อนไขโดยสรุป คือ
นักเรียนอายุ 5-10 ปี - ต้องพักอาศัยอยู่กับ พ่อ และ/หรือ แม่ หรือ ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย เท่านั้น
นักเรียนอายุ 11-12 ปี - พักอาศัยอยู่กับ พ่อ และ/หรือ แม่ หรือ ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ ญาติสายตรงที่มีคุณสมบัติตามที่สถานทูตกำหนด เท่านั้น
นักเรียนอายุ 13 ปีขึ้นไป - พักอาศัยอยู่กับ พ่อ และ/หรือ แม่ หรือ ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ ญาติสายตรงที่มีคุณสมบัติตามที่สถานทูตกำหนด หรือ โฮมสเตย์ / boarding school
สำหรับโรงเรียนที่แนะนำทั้ง BELS และ ih นั้นจะมีบริการจัดหา homestay ให้กับนักเรียนต่างชาติที่สนใจด้วย
ข้อควรทราบสุดท้ายที่ผู้ปกครองน่าจะสนใจ คือ นักเรียนต่างชาติที่ถือวีซ่านักเรียนนั้นสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้เกณฑ์อายุขั้นต่ำในการทำงานจะยู่ที่ประมาณ 13-15 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทงานที่ทำ ประสบการณ์ส่วนนี้ถือเป็นโบนัสพิเศษอีกข้อที่ช่วยเสริมทักษธและเปิดโลกการเรียนรู้ให้กับน้อง ๆ แบบที่หาที่ประเทศไทยได้ยาก ทั้งการบริหารเวลา ความรับผิดชอบ และจัดการการเงินส่วนตัว เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าโรงเรียนก็จะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้าน student wellbeing หรือความเป็นอยู่ของนักเรียนคอยให้คำปรึกษาอยู่อย่างใกล้ชิด
Blog วันนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ปกครองที่วางแผนสมัครเรียนออสตรเลียให้กับบุตรหลานไม่มากก็น้อย ไม่ว่าพื้นฐานภาษาของน้องจะเป็นยังไง จะเคยเดินทางไปต่างประเทศมาก่อนหรือไม่ ตัวเลือกการสมัคร PSP/HSP ก็น้าจะช่วยให้วางใจได้มากพอสมควร ทั้งสำหรับตัวนักเรียนและผู้ปกครอง สถาบันภาษาที่เปิดหลักสูตรเฉพาะนักเยนอายุต่ำกว่า 18 ปีนั้นมีไม่มากนัก จะเปิดสอนเฉพาะในสถาบันที่มี facilities รวมทั้งบุคลากรพร้อมและเหมาะสม ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการดูแลทั้งด้านคุณภาพการเรียน ตลอดจนที่ปรึกษาในการใช้ชีวิตต่างประเทศนั้นไว้วางใจได้มากทีเดียว แถมยังมีโอกาสให้น้อง ๆ ได้หาประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในเมืองไทยหลากหลายรูปแบบด้วย
ผู้ปกครองที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวสมัครเรียนโรงเรียนในออสเตรเลีย สามารถให้ Hub 101 เป็นผู้ช่วยได้นะคะ ติดต่อพูดคุยได้ทุกช่องทางด้านล่างนี้เลยค่ะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Hub 101 ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ทุกวัน ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
Tel: 081 441 8448 Line ID: hub101study Facebook: facebook.com/Hub101StudyInAustralia Instagram: hub_101_study
Comments