top of page
  • Writer's pictureChut N

เล่าให้ฟัง | สถานทูตจัด Agent Info Session วันนี้มีอัพเดทอะไร

Disclaimer ก่อนเลยว่าเนื้อหาทั้งหมดนี้ไม่ใช่ definitive guide สำหรับการยื่นวีซ่า แต่เป็นการสรุปเนื้อหาและตีความคำตอบที่ #ชัดเจนว่าไม่ชัดเจน ที่ได้รับจาก DHA วันนี้ของทีม Hub 101 ที่เข้าร่วมงาน Info Session เท่านั้น


นักเรียนหลายคนน่าจะทราบสถานการณ์วีซ่าออสเตรเลียในปัจจุบันที่ใช้ระยะเวลาพิจารณานานอย่างไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งเมื่อมีการรวมกลุ่มบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่า Facebook Group หรือ Open Chat ต่าง ๆ การแบ่งปันข้อมูลระหว่างนักเรียนก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น ซึ่งถูกบ้างผิดบ้างอันนี้ไว้เป็นเรื่องที่พูดถึงในโอกาสอื่นต่อไป ใครวีซ่าผ่านก็ช่วยกันแสดงความยินดี ใครวีซ่าไม่ผ่านก็มาแชร์ผลปฏิเสธเพื่อขอคำปรึกษาเพื่อแก้ไขเคส


หลังจากออสเตรเลียประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการช่วงเดือนมีนาคม 2022 ที่ผ่านมา นักเรียนไทยจำนวนมากที่เลื่อนแผนการเรียนต่างประเทศมานานรวมทั้งอีกหลายคนที่อยากออกไปหาประสบการณ์เรียนต่างประเทศก็พากันยื่นสมัครเรียนและวีซ่าเยอะอย่างไม่เคยมีมาก่อน จำนวนใบสมัครเรียกว่ามากขนาดเจ้าหน้าที่สถานทูตต้องมาทำงานวันเสาร์กันเลยทีเดียว แน่นอนว่าจำนวนใบสมัครที่มากขึ้นก็ส่งผลให้การพิจารณายิ่งเขี้ยวมากขึ้น เทียบสัดส่วนแล้วอาจเห็นจำนวนคนวีซ่าไม่ผ่านมากขึ้น แถมแต่ละคนที่มาแชร์จดหมายปฏิเสธให้ดูในกรุ๊ปก็เจอว่ามีแต่เหตุผลเดิม ๆ ตัวอย่างยอดฮิต เช่น

  • จนท.ไม่เชื่อว่าการไปเรียนหลักสูตรนี้จะคุ้มค่ากับเวลาและค่าใช้จ่ายที่เสียไป

  • จนท.พิจารณาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมของไทย และเปรียบเทียบกับโอกาสที่มีในออสเตรเลีย เชื่อว่านักเรียนอาจตัดสินใจไม่เดินทางกลับไทยหลังเรียนจบ

  • จนท.เห็นว่านักเรียนไม่มีความผูกพันอะไรกับประเทศไทยที่น่าจะเป็นปัจจัยดึงดูดให้เดินทางกลับไทยนอกจากเรื่องครอบครัว ดังนั้นเมื่อไปแล้วอาจจะไม่กลับมาก็ได้

  • จนท.เห็นว่านักเรียนไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยันสถานะทางการเงินที่ชัดเจนว่ามีเงินมากเพียงพอตลอดระยะเวลาเรียน

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเหตุผลอิหยังวะอีกหลายอย่าง เช่น มีญาติอยู่ที่นู่นมีแนวโน้มไม่กลับไทยแน่ ๆ หรือเรียนจบมานานแล้วไม่เห็นเคยเรียนอะไรอีกเลย อยู่ ๆ ทำไมจะไปเรียน ทำไมต้องไปเรียนต่างประเทศเรียนที่ไทยก็ได้ ฯลฯ


ทั้งนี้ก็ไม่สามารถด่วนสรุปได้ว่าเหตุผลต่าง ๆ นานาด้านบนนี้นักเรียนแต่ละคนควรได้รับหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าเอกสารหรือจดหมายชี้แจง (GTE) ที่แต่ละคนส่งเข้าไปมีรายละเอียดอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่อดคิดและตีความไม่ได้คือ น้ำหนักการพิจารณาดูจะอยู่ที่วิจารณญาณเจ้าหน้าที่วีซ่ามากทีเดียว


วันนี้มีการจัด Agent Info Session โดยสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย มีการอัพเดทข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์วีซ่าของนักเรียนไทยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีช่วง Q&A ที่เปิดโอกาสให้เอเจนท์ได้ส่งฟีดแบคและคำถามให้เจ้าหน้าที่วีซ่าด้วย นักเรียนหลายคนน่าจะเห็นเอเจนท์หลายแห่งโพสบ่นงึมงัมบ้าง โพสบ่นแบบตะโกนบ้างหลังจบงาน อาจเพราะคำตอบที่ได้รับเกี่ยวกับข้อสงสัยต่าง ๆ นั้นแทบไม่เป็นประโยชน์เท่าไหร่


ถึงเนื้อหาจะไม่ค่อยมีอะไรแต่ทีมงาน Hub 101 เข้าใจว่านักเรียนน่าจะอยากทราบรายละเอียด จึงสรุปให้เป็นข้อตามด้านล่างนี้



Q: ระยะเวลาการพิจารณาวีซ่า

ประมาณ 70 วันขึ้นไป


Q: อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ทราบผลวีซ่าเร็วขึ้น ทำไมบางคนรอผลนานเป็นเดือน ทำไมบางคนรอไม่กี่สัปดาห์ ทำไมบางคนแสกนนิ้วแล้วได้ผลเลย

จนท.อธิบายว่าหยิบมาพิจารณาตามคิว แต่ไม่ได้อธิบายชัดเจนว่าทำไมใครได้ผลก่อน-หลัง เพียงแต่อธิบายว่าถ้าใบสมัครสมบูรณ์ (กรอกข้อมูลครบถ้วน มีเอกสารสำคัญครบ แสกนนิ้ว และตรวจสุขภาพเรียบร้อย) เมื่อถึงมือของจนท.ก็จะช่วยให้พิจารณาได้ไวขึ้นเพราะไม่ต้องเสียเวลาเรียกขอดูเอกสารเพิ่มเติมอีก


Q: วีซ่า Auto Grant มีจริงมั้ย ทำไมบางคนแสกนนิ้วแล้วได้ผลเลย

สถานทูตไม่ตอบรับหรือปฏิเสธว่ามีจริงหรือไม่ เพียงแต่ย้ำคำตอบเหมือนด้านบน และยกตัวอย่างว่าหากใบสมัครสมบูรณ์ทุกอย่างแล้วเหลือเพียงการแสกนนิ้ว เมื่อแสกนนิ้วเสร็จก็เป็นไปได้ที่จะได้รับภายในอีกหนึ่งชั่วโมงหรือวันถัดมา (ทีม Hub 101 เคยได้รับผลวีซ่านักเรียนแบบ submit ปุ๊บได้รับวีซ่าผ่านปั๊บภายใน 5 นาทีอยู่เหมือนกัน เป็นนักเรียนต่อวีซ่าในออสเตรเลีย 2 คนที่ไม่ต้องแสกนนิ้วและไม่ต้องตรวจสุขภาพ และเป็นนักเรียนที่สมัครเรียนจากไทยครั้งแรก 1 คน ตรวจสุขภาพเช้า แสกนนิ้วสาย บ่ายได้วีซ่า)


Q: ความคุ้มของการไปเรียนคืออะไร เจ้าหน้าที่ดูจะใช้วิจารณญาณส่วนตัวเป็นเกณฑ์ตัดสิน

จนท.ยืนยันว่าเกณฑ์การพิจารณาไม่ได้ใช้ความคิดเห็นส่วนตัวหรือวิจารณญาณในการตัดสินใบสมัคร แต่อ้างอิงตาม risk assesssment ที่สถานทูตกำหนดไว้ ส่วนเรื่องของความคุ้ม, จนท.พิจารณาจากประวัติการเรียน การทำงาน และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ซึ่งนักเรียนควรจะระบุลงใน GTE พร้อมแนบหลักฐานประกอบ


Q: GTE ต้องยาวแค่ไหน ควรเขียนอะไร

ไม่มีจำกัดความยาว เขียนครึ่งหน้าก็ได้ หนึ่งหน้า สองหน้า สาม สี่หน้า ไม่มีข้อจำกัด เขียนเป็นภาษาอังกฤษเลยก็ได้ ถ้าเขียนภาษาไทยควรแปลเป็นอังกฤษด้วย ส่วนเขียนอะไรนั้นก็คล้ายคำตอบด้านบนคืออธิบายสาเหตุที่ต้องการเรียนว่ามีส่วนช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในอนาคตยังไง เชื่อมโยงกับประวัติเรายังไง เราจบแล้วเราจะทำอะไร หลักสูตรที่สมัครจะช่วยเราในเรื่องได้ยังไงบ้าง


Q: สมัครวีซ่าควรส่งเอกสารอะไรบ้าง

ให้อ้างอิงตามเว็บไซต์ DHA จะมี Checklsit Tool อยู่ (ข้อนี้เอเจนท์จะรู้และยึดปฏิบัติกันเป็นปกติอยู่แล้ว ให้ดูคำถามต่อไปด้านล่างเพิ่มเติม)


Q: ประเทศไทยอยู่เลเวล 2 สมัครเรียนสถาบันเลเวล 1 & 2 อ้างอิงตาม Checklist Tool ที่สถานทูตแนะนำก็แปลว่าไม่ต้องแสดงเอกสารการเงิน ทำไมยังปฏิเสธวีซ่าด้วยเหตุผลเพราะไม่มีหลักฐานการเงิน

จนท.อาจไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเพียงนักเรียนต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีเงินพอดูแลตัวเองระหว่างเรียนได้โดยคำนวนตามจำนวนเงินที่ DHA กำหนด



ถ้าอ่านแล้วงง ไม่ต้องตกใจ เพราะเราคือเพื่อนกัน คำตอบที่ได้รับวันนี้เป็นข้อมูลที่เอเจนท์ส่วนมากทราบอยู่แล้ว ไม่ได้ขยายความข้อสงสัยใดใดเกี่ยวกับเหตุผลการปฏิเสธวีซ่าที่สุดแสนจะจับต้องไม่ได้ และดูยังไง๊ยังไงก็เป็นการใช้วิจารณญาณตัดสินชัด ๆ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อจนท.ย้ำถึงความสำคัญของ GTE ที่นักเรียนจะต้องเขียนอธิบายให้จนท.เชื่อให้ได้ว่ามีเป้าหมายในการเดินทางเข้าออสเตรเลียเพื่อการศึกษาเป็นหลักจริง


เสียงลือเสียงเล่าอ้างบางทีก็บอกว่าเกณฑ์ความคุ้มลองดูจากรายได้ของตำแหน่งที่เราจะกลับมาสมัครงานหลังเรียนจบดีมั้ย ลองแนบประกาศรับสมัครงานที่ระบุ English Requirment ไปสิ แต่ก็มีเคสที่นักเรียนได้รับการปฏิเสธทั้งที่แนบประกาศรับสมัครงานเข้าไปเหมือนกัน เหตุผลที่สถานทูตให้คือ รู้ได้ยังไงว่าจะได้งานนี้ และรู้ได้ยังไงว่าเรียนจบแล้วจะได้ระดับภาษาเท่านี้จริง เอากับเค้าสิ!


อีกตัวอย่างเคส เช่น นักเรียนที่ทำงานในบริษัทใหญ่โตของที่บ้าน มี job offer รับรองว่าไปเรียนจบกลับมาจะเข้าทำงานตำแหน่งนี้แน่ ๆ แต่สถานทูตก็ปฏิเสธอีก ให้เหตุผลว่าหลักฐานการทำงานที่เป็นธุรกิจครอบครัวนี่น้ำหนักน้อยมาก ถือว่าสถานะการทำงานไม่มั่นคง ไม่ให้ผ่านจ้า เอากับเค้าสิ! ข้อนี้มีเอเจนท์ส่งคำถามถึงจนท.วันนี้เหมือนกัน แต่ก็ได้คำตอบกว้าง ๆ เหมือนเดิมว่านักเรียนต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าไปเรียนแล้วจะได้ประโยชน์อะไร คุ้มค่าเวลาและค่าใช้จ่ายมั้ย ซึ่งทั้งหมดนี้นักเรียนต้องมีหลักฐานยืนยันและพิสูจน์ให้ได้


ขณะที่พิมพ์ blog นี้อยู่ก็ยอมรับว่าเนื้อหาดูวนไปเวียนมา ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรที่จับต้องได้เหมือน blog อื่น ๆ ที่เคยเขียนไว้ (พยายามมากแล้วจริง ๆ นะ) อยากให้นักเรียนทุกคนเข้าใจว่า session วันนี้ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก สรุปเนื้อหาทั้งหมดจบคือ เขียน GTE ให้สมเหตุผล มีหลักฐานยืนยันทุกคำกล่าวอ้างของเรา หลักฐานการเรียน หลักฐานการทำงานให้ครบ หลักฐานการเงินถ้ามีและสวยงามดีก็ยื่นไปเลย สุดท้ายผลจะเป็นยังไงก็สุดแท้ว่าใบสมัครวีซ่าของเราจะไปอยู่ในมือจนท.คนไหน และจนท.คนนั้นตีความ risk assessment (ตามหลักเกณฑ์ที่สถานทูตกำหนดโดยไม่มีความคิดส่วนตัวมาเจือปนเลยจริงจริ๊งง) ยังไง และเค้าคนนั้นคิดว่าคุณสมบัติและเหตุผลที่เราอธิบายนั้นตรงตามการตีความของเกณฑ์เหล่านั้นหรือไม่


สุดท้ายไม่อยากให้หมดหวังกัน และอย่าคิดว่าชีวิตชั้นจะไปไปเรียนออสเตรเลียต้องอาศัยแต้มบุญแค่อย่างเดียว ทีมงาน Hub 101 ยังเชื่อสุดหัวใจว่าการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และการเขียน GTE ที่กระชับและชัดเจนจะช่วยเพิ่มโอกาสและละลายหัวใจน้ำแข็งที่เย็นชาและแข็งแกร่งดั่งหินผาของจนท.ได้ ซึ่งแน่นอนว่านักเรียนที่สมัครเรียนกับ Hub 101 นั้นไม่ต้องกังวลอะไร เพราะทีมงานของเราช่วยอธิบายได้อย่างชัดเจนไม่มีกั๊ก ไม่เชื่อลองถามน้อง ๆ ที่ทำเรื่องสมัครมาก่อนได้เลยย

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ Hub 101 ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ทุกวัน ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ Tel: 081 441 8448 Line ID: hub101study Facebook: facebook.com/Hub101StudyInAustralia Instagram: @hub101study

bottom of page